วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ ณ คุกขี้ไก่ จังหวัดจันทบุรี

ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ ณ คุกขี้ไก่ จังหวัดจันทบุรี

 

คุกขี้ไก่ จังหวัดจันทบุรี แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ตึกแดงที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือประมาณ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) เมื่อฝรั่งเศสได้ทำการเข้ายึดจันทบุรี ในกรณีพิพาทกันว่าด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสจำนวนประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง แห่งแรกนั้นตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารอยู่ในปัจจุบันนี้ อีกแห่งนั้นจะอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์
พวกฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่แห่งนี้เพื่อใช้ในการกักขังคนไทยที่ทำการต่อต้านฝรั่งเศส คุกขี้ไก่มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีกว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 7 เมตร โดยมีช่องระบายอากาศอยู่ทั้งสองแถว มีหลังคาที่โปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่มีความทรมานมาก เพราะชั้นบนนั้นใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งไก่ขั้นจะถ่ายมูลราดศีรษะของนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ตลอดเวลา ทางเข้าจะเป็นประตูเตี้ยๆ อยู่ในระดับเอวเท่านั้น ใครจะเข้าไปคงจะต้องคลานเข้าไปอย่างเดียว
จากคุกขี้ไก่ประมาณ 3 กิโลเมตร จะเห็นตึกแดงตั้งอยู่บริเวณชายหาดแหลมสิงห์ใกล้กับปากแม่น้ำจันทบุรี ห่างจากตัวจังหวัดอยู่ประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นอาคารฝรั่งเศสที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2436 โดยทำลายป้อมพิฆาตข้าศึกลงและก่อสร้างตึกแดงทับเอาไว้ เพื่อใช้เป็นกองรักษาการณ์และเป็นที่พักนายทหารที่ได้รักษาการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์ ตึกแดงแห่งนี้เป็นอาคารชั้นเดียวสร้างด้วยอิฐถือปูนมีความกว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร โครงหลังคาสร้างด้วยเหล็กของรางรถไฟ หลังคากระเบื้องเป็นดินเผาสีแดง ประตูเปิดถึงกันหมด ปัจจุบันประกาศให้เป็นโบราณสถานของชาติในปีพ.ศ.2528

การเดินทางไป คุกขี้ไก่ ที่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 เส้นจันทบุรี-ตราด เลี้ยวขวาเข้าไปทางหลวงหมายเลข 3149 ก่อนที่จะถึงอำเภอแหลมสิงห์ คุกขี้ไก่จะตั้งอยู่ทางด้านขวามือ

ติดตามสถานที่ประวัติศาสตร์อีกมากที่ http://travel.sanook.com/

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โอเอซิส ซีเวิลด์ ความฝันวัยเด็กที่กลายเป็นจริง ณ จันทบุรี

โอเอซิส ซีเวิลด์ ความฝันวัยเด็กที่กลายเป็นจริง ณ จันทบุรี

 
โอเอซิส ซีเวิลด์ จ.จันทบุรี เป็นสถานที่สำหรับเปิดแสดง โลมาโชว์ ให้คุณได้สัมผัสถึงความฉลาดและความน่ารักของเหลาโลมา 2 โลมาสายพันธุ์ไทย เจ้าโลมาหัวบาตรที่น่ารักและเจ้าโลมาปากขวดหรือโลมาสีชมพูที่หาชมได้ค่อนข้างยาก
 
จุดเริ่มต้นของ โอเอซิส ซีเวิลด์ นั้นเริ่มจากคุณวิชัย วัฒนพงศ์ หรือที่คนในพื้นที่เรียกกันว่าลุงแดง ลุงแดงเป็นคนในพื้นที่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ซึ่งนั้นเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับทะเลประชากรส่วนมากนั้นจึงทำอาชีพด้านประมง และลุงแดงมักจะเห็นโลมาว่ายมาติดอวนของชาวประมงอยู่บ่อยครั้ง โลมาที่ว่ายมาติดอวนของชาวประมงนั้นก็จะถูกชาวประมงฆ่าและนำมาชำแหละ เนื้อขายในราคากิโลกรัมละ 20-30 บาท ลุงแดงได้เห็นเข้าก็เกิดความรู้สึกสงสารต่อโลมาเหล่านั้นมาก และเกรงว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปโลมาไทยอาจสูญพันธ์ก็เป็นได้ ลุงแดงจึงเกิดความคิดที่จะช่วยอนุรักษ์โลมาไทยเหล่านี้ขึ้น ในช่วงปลายปี 2531 ลุงแดงจึงได้เริ่มศึกษาและทดลองนำโลมามาเลี้ยงดู โดยนำโลมาที่มาติดอวนของชาวประมงมาทดลองเลี้ยงในบ่อเลี้ยงกุ้งที่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เป็นการชั่วคราว
 
ในขณะที่ดูแลในเรื่องของสุขภาพและคอยรักษาบาดแผลของโลมานั้นที่เกิดจากการติดอวนจนหายดีแล้ว ในช่วงที่ลุงแดงเลี้ยงดูโลมาเหล่านี้นั้นอย่างใกล้ชิด ก็ได้เห็นความฉลาดแสนรู้และความน่ารักของมัน ผ่านไป 20 วันโลมาก็ได้เรียนรู้ที่จะว่ายมากินอาหารจากมือของลุงแดงเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายแนวความคิด การการเผยแพร่ ความสามารถ ความคิด ความฉลาด ความน่ารัก ของโลมา ในรูปแบบโลมาโชว์ไปสู่สายตาประชาชนอื่นๆ
 
ซึ่งแนวคิดนี้เป็นจริงได้เมื่อปี 2533 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2533 โอเอซีส ซีเวิลด์ จึงได้เปิดดำเนินการและจดทะเบียนได้ในนาม บ.โอเอซีส ซีเวิลด์ แต่ในปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บ.ไทยดอลฟินแนเรียม แต่ก็ยังคงเปิดการแสดงโลมาในชื่อ โอเอซิส ซีเวิลด์ เหมือนดั่งเดิม และโลมาโชว์ของ โอเอซีส ซีเวิลด์ นั้นยังถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย ที่บริหารงานโดยคนไทยเองทั้งหมด ตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงครูฝึกโลมา โอเอซิส ซีเวิลด์ มีรายการโชว์โลมามากกว่า 30 รายการ ไม่ว่าจะเป็นโลมากระโดดลอดห่วง กระโดดสูงเหนือผิวน้ำแล้วบิดตัวกลางอากาศ โลมากระโดดสูงเหนือผิวน้ำ และอีกหนึ่งการแสดงที่โอเอซีส ซีเวิลด์แห่งนี้ภูมิใจเสนอคือ สกีโลมาซี่งเป็นการแสดงที่ได้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันของเทรนเนอร์กับโลมา 2 ชีวิต ที่พากันสกีโชว์ไปรอบๆสระแสดงให้ท่านผู้ชมหลายท่านการันตีว่าการแสดงที่ โอเอซีส ซีเวิลด์ ไม่ด้อยไปกว่าต่างประเทศแม้แต่น้อย ซึ่งการแสดงดีๆเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งสิ่งก็คือ ความรัก ความเอาใจใส่ ที่ทีมงาน โอเอซิส ซีเวิลด์ ทุกคนมีให้กับโลมาจากใจจริง จ.จันทบุรี
รอบการแสดงโลมา (รอบละประมาณ 40 นาที)

- 09.00 น. - 11.00 น. - 13.00 น. - 15.00 น. - 17.00 น.

วันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเพิ่มรอบแรกคือ 07.00 น.

อัตราค่าเข้าชมโลมาโชว์

- ผู้ใหญ่ 130 บาท/คน

- เด็ก 80 บาท/คน

- ผู้ใหญ่(ต่างชาติ) 300 บาท/คน

- เด็ก(ต่างชาติ) 200 บาท/คน

ติดตามความน่าตื่นตาตื่นใจได้อีกมาที่ http://travel.sanook.com/

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ถนนอัญมณี เมืองแห่งเพชรพลอย จังหวัดจันทบุรี

ถนนอัญมณี เมืองแห่งเพชรพลอย จังหวัดจันทบุรี

 
สำหรับคนที่ชอบของวิ๊บๆวั๊บๆอย่างเพชรพลอย และมาเที่ยวจันทบุรี ต้องมาที่นี่ถนนอัญมณี (ตลาดพลอย) หรือ Gems Street จังหวัดจันทบุรี ที่รู้จักกันดีว่าเป็น Chanthaburi City of Gems ชื่อถนนอัญมณีนั้นเป็นคำเรียกขานถนนที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง หมายถึงบริเวณถนนศรีจันท์และซอยกระจ่าง ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ถนนแห่งนี้นับเป็นถนนเศรษฐกิจที่มีความคึกคักอย่างมากแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณี ร้านทองรูปพรรณ ที่มีมากกว่า 120 ร้าน ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทเลยก็ว่าได้
ตลาดค้าพลอยแห่งนี้นั้น เปิดค้าขายกันในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ มีตั้งแต่เวลา 10.00 -15.00 น. โดยในวันศุกร์นั้นจะมีการนำเสนอและสอบถามราคากันก่อน แต่วันเสาร์จะเป็นวันที่มีการซื้อขายเกิดขึ้นกันจริงๆ ทุกวันนี้เรายังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยที่มี “เด็กเดินพลอย” ที่รับพลอยมาขาย และเต็มไปด้วย พ่อค้าพลอยซึ่งเดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ กันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย
สำหรับใครที่สงสัยถึงแหล่งกำเนิดของพลอยนั้น เล่ากันว่าจุดที่เกิดพลอยจันท์แห่งแรกๆ อยู่ที่บริเวณเขาพลอยแหวน ซึ่งเป็นชื่อเรียกกันมานานตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ สมัยก่อนการหาพลอยไม่ได้ใช้เครื่องมือหนัก ไม่ต้องเปลืองน้ำมันเลย เพราะบริเวณเขาพลอยแหวนนั้น พลอยขึ้นดกมาก แค่เขี่ยๆตามพื้นดินก็พบเห็นพลอยแล้ว พลอยที่พบจะเป็นพลอยเขียวส่อง บุษราคัม พลอยสตาร์และไพลิน ซึ่งคนพื้นบ้านก็เรียกว่า ลูกครึ่ง
สำหรับ “ศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับ” ที่ตั้งอยู่ข้างๆโรงแรมเค.พี.แกรนด์ สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรีก็ได้ริเริ่มจัดตั้งศูนย์จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับขึ้นในปีพ.ศ. 2546 โดยต้องการให้ศูนย์แห่งนี้ได้เป็นที่จำหน่ายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่มีคุณภาพของประเทศได้อย่างแท้จริง สัญลักษณ์ของศูนย์แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมรูปทรงของเหลี่ยมอัญมณีเพื่อสื่อให้เห้นถึงความเป็นเมืองอัญมณีนั้นเอง
ผู้ที่สนใจเรื่องราวของถนนอัญมณีนั้นสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-930-3118-9

มองหาการท่องเที่ยวในแบบคุณ http://travel.sanook.com/



วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ชุมชนริมน้ำจันทบรู สเน่ห์ในอดีตที่ไม่มีวันจางหาย จันทบุรี

ชุมชนริมน้ำจันทบรู สเน่ห์ในอดีตที่ไม่มีวันจางหาย จันทบุรี

ชุมชนริมน้ำจันทบรูแห่งนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีด้าน ตะวันตกแต่เดิมรู้จักกันในชื่อที่เรียกติดปากกันว่า "บ้านลุ่ม" ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนและญวนที่อพยพกันตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมาได้พัฒนามาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าของจันทบุรีที่สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยร.5 ปัจจุบันนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวที่หากใครที่มาเยือนจังหวัดจันทบุรีแล้วไม่ควรพลาด มีจุดเริ่มต้นจากเชิงสะพานวัดจันทร์เป็นแนวออกไปตลอดจนถึงชุมชนตลาดล่างบริเวณที่เรียกว่าท่าเรือจ้างอาคาร ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยและร้านค้าของชุมชนที่มีอายุเกือบร้อยปี ซึ่งได้สร้างมาตั้งแต่สมัยร. 5 มีลักษณะเป็นตึกแถวโบราณมีลวดลายไม้จำหลักอ่อนช้อย งดงามยิ่งนัก อยู่ตามบานประตูหน้าต่างและมุมอาคารต่างๆ ซึ่งจะพบรูปแบบเรือนขนมปังขิงปะปนอยู่ด้วย เพราะชาวจันทบุรีนั้นได้รับอิทธิพลจากการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศเมื่อสมัยร.5 มีลักษณะการฉลุลายของช่างฝีมือชาวจันทบุรี จัดได้ว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการจำหลักฉลุช่องลมที่เป็นภาพจำหลักนูนรูปหัวพยัคฆ์สอดแทรกอยู่ตามกิ่งเครือเถา หรือความคมเฉียบของลายที่แฝงไปด้วยความอ่อนช้อยของลายจำหลักจึงถือเป็นย่านประวัติศาสตร์ของ จ.จันทบุรีเลยทีเดียว
สิ่งที่น่าสนใจในชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูรแห่งนี้ คงหนีไม่พ้นการชมบ้านเรือนริมน้ำเก่าสมัยร.5 และวิถีชีวิตของคนในชุมชนและสถาปัตยกรรมโบราณ ร้านขายของและร้านอาหารต่างๆ แต่ละร้านจะไม่ทำร้านให้โดดเด่นหรือขัดแย้งกับสถานที่ แต่จะทำให้กลมกลืนไปกับบรรยากาศเก่าแก่ตามแบบดั้งเดิมของชุมชนริมน้ำจันทบูรจังหวัดจันทบุรี
บ้านหลวงราชไมตรีเป็นอีกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยท่านหลวงราชไมตรี ถือเป็น "บิดาแห่งยางพารา ภาคตะวันออก" เพราะท่านเป็นคนนำเอาพันธุ์ยางมาจากมาเลเซียเพื่อมาทดลองปลูกที่ตำบลพลิ้วและปรับปรุงพันธุ์ขยายพันธุ์จนท่านสามารถส่งออกไปขายยังประเทศอังกฤษได้ บ้านของท่านที่ถนนสุขาภิบาล นี้มีสองฝั่งอยู่ตรงข้ามกันนั้นก็คือ ฝั่งริมแม่น้ำจันทบุรี ที่เป็นตึกไม้สักทองทั้งหลัง ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็น ตึกแบบฝรั่ง โดยปัจุบันฝั่งริมน้ำได้เปิดให้เป็นที่พักให้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในบรรยากาศความโบราณและคลาสสิคของชุมชนเก่าแห่งนี้ สนใจจองห้องพักได้ดังนี้
บ้าน 69 ศูนย์การเรียนรู้ริมน้ำจันทบูร
ที่นี่เป็นสถานที่จัดกิจรรมต่าง ๆ เป็นแหล่งรวบรวมเผยแพร่ความรู้ประจำชุมชน

บ้านของขุนบุรพาภิผล (ร้านขนมไข่ป้าไต๊)
ตึกทรงยุโรปเก่าแก่กว่า 100 ปี แต่เดิมเป็นโรงพิมพ์ ต่อมาขุนบุรพาภิผลได้ซื้อบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัย ปัจจุบันรุ่นลูกหลาน ได้ประกอบ อาชีพขายขนมไข่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองจันท์
ท่ามาจัน

เป็นอีกหนึ่งที่พักสุดเก๋ ตกแต่งแนวเรสโทร่วมสมัย ฝั่งตรงข้ามเปิดเป็นร้านอาหารริมน้ำบรรยกาศดีสนใจติดต่อห้องพักโทร 098-968-6111 หรือ http://www.tamajunhotel.com
ร้านไอศครีมตราจรวด ถือเป็นโรงงานผลิตไอศกรี มด้วยเครื่องจักร เป็นแห่งแรกของจันทบุรี มีทั้งไอศกรีมแท่ง ไอศกรีมตัด ไอศกรีมกะทิสด ราคาแท่งละหนึ่งสลึงเท่านั้ น (ในสมัยนั้น)
ร้านขายยาโบราณจังกวนอัน
ร้านขายยาจีนที่มีชื่อเสียงร้านแรกๆของจันทบุรี มีอายุมากกว่า 100 ปี

ติดตามผลงานท่องเที่ยวใหม่ๆอีกที่ http://travel.sanook.com/

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หาดคุ้งวิมาน หาดงาม ถนนสวย จันทบุรี

หาดคุ้งวิมาน หาดงาม ถนนสวย จันทบุรี

 
หาดคุ้งวิมานจังหวัดจันทบุรีแห่งนี้เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงหาดหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี มีน้ำทะเลที่ใสสะอาดบรรยากาศแสนเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนเงียบๆฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งและสูดกลิ่นอายทะเลให้สดชื่นไปเลย ที่ตั้งของหาดคุ้งวิมานนี้อยู่ที่อำเภอนายายอามห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 15 กิโลเมตร บริเวณที่เหมาะกับการเล่นน้ำทะเลจะอยู่ที่หาดคุ้งวิมานช่วงกลางถึงช่วงเหนือเพราะมีหาดทรายสะอาดน้ำใส รวมทั้งร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ยังมีบริการรีสอร์ทและที่พักไม่มากเหมือนหาดเจ้าหลาวให้ความเป็นส่วนตัวไม่คึกคักมากนัก ส่วนหาดคุ้งวิมานช่วงเหนือและใต้ เป็นโขดหินเหมาะกับการตกปลาเลยทีเดียว
ถนนเลียบชายหาดคุ้งวิมานหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าถนนเฉลิมบูรพาชลทิตนั้นเป็นถนนที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในภาคตะวันออกเลยที่เดียว เนื่องจากว่าเป็นถนนเลียบชายหาดของจังหวัดจันทบุรีที่ผ่านหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน หาดแหลมสิงห์ และทั้งสองฝั่งถนนติดทะเลและภูเขาไม่ค่อยจะมีรีสอร์ทมาคั่นกลางตัวถนนโค้งไปตามแนวภูเขาและทะเล ผ่านจุดชมวิวสวยๆตั้งหลายแห่งเช่น ปากแม่น้ำจันทบุรี หาดแหลมสน จุดชมวิวเนินนางพญา ฯลฯ ถนนเส้นนี้เป็น 1 ใน 10 เรียกได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวของ Dream destinations ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แนะนำให้ลองมาเที่ยวกัน
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิตเป็นถนน 2 เลนสวนกันมีระยะทางทั้งหมด 111 กิโลเมตรถนนบางส่วนก็จะเป็นทางหลวงเดิมและมีการสร้างเพิ่มเติมเพื่อที่จะเชื่อมถนนเข้าไว้ด้วยกัน โดยถนนเส้นนี้จัดสร้างโดยกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ครอบคลุมไปตั้งแต่ชลบุรี แหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี ไปจนถึงจังหวัดตราด เป็นถนนเพื่อการท่องเที่ยวชายฝั่งในทะเลระดับสากลอย่างยั่งยืน(Scenic Route) และจะช่วยลดปริมาณรถในถนนสุขุมวิท ถนนเฉลิมบูรพาชลทิตนอกจากจะได้เป็นถนนที่เหมาะกับการขับรถเล่นชมวิวแล้ว ยังทั้งเหมาะที่จะมาปั่นจักรยานเล่นชมวิวลมพัดเย็นๆสบายๆเพราะมีเลนของจักรยานโดยเฉพาะที่บริเวณไหล่ทางทาสีแดงไว้ที่พื้นเห็นเด่นชัด
และสำหรับจุดที่สวยที่สุดของถนนเฉลิมบูรพาชลทิตจะอยู่ตรงชายหาดคุ้งวิมานตอนใต้ไปจนถึงเนินเขาเล็กๆที่มีชื่อว่าจุดชมวิวเนินนางพญา ส่วนด้านบนเนินเขาจะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นถนนเลียบชายหาดที่อยู่ด้านล่าง จะเห็นเกาะเล็กๆที่อยู่ห่างจากฝั่งออกไปไกลๆ
ในด้านการเดินทางมายังหาดคุ้งวิมานนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยใช้ถนนสุขุมวิท(3) จนมาถึง กม.ที่ 301 ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย 3399 และวิ่งตามถนนจนถึงวงเวียนรูปปลาโลมา ต่อมาให้ขับรถตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตรกว่าจะไปโผล่ตรงช่วงกลางของหาดคุ้งวิมานเลย หากต้องการไปหาดคุ้งวิมานเหนือให้เลี้ยวขวาหรือหากต้องการไปหาดคุ้งวิมานใต้ให้เลี้ยวซ้ายเลยครับ

ติดตามรายผลงานต่าง สถานที่เที่ยวอื่นๆในไทยได้ที่ http://travel.sanook.com/

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แวะมาท่องเที่ยวกันได้ที่...หาดแหลมเสด็จ จันทบุรี

 แวะมาท่องเที่ยวกันได้ที่...หาดแหลมเสด็จ จันทบุรี 

หาดแหลมเสด็จ จังหวัดจันทบุรีแห่งนี้อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่โดยประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่เงียบสงบมากบรรยากาศก็ร่มรื่น เต็มไปด้วยทิวสนทะเล กลิ่นไอทะเลและพันธุ์ไม้ชายหาดนานาชนิด เหมาะสำหรับการมาตั้งเต็นท์พักแรมอย่างมาก โดยท่านสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ งานป่าไม้ศูนย์พัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน โทร. 039-369-237

ทิวสนรื่นรมย์ ชมหาดทรายสุดแสนจะสะอาดตา โอบล้อมด้วยแผ่นฟ้าสวยสดใส บรรยากาศริมหาดแหลมเสด็จโดยรอบมักจะเต็มไปด้วยรถซาเล้งของเหล่าพ่อค้าแม่ขายมากมายที่ขับเข้ามาจอดขายอาหารและเครื่องดื่มให้กับเหล่านักท่องเที่ยวซึ่งเป้นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวมาให้ด้านอาหารการกิน บนชายหาดจังหวัดจันทบุรีแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยต้นสนอยู่จำนวนมาก ต้นสนที่เรียงรายไปตามแนวชายหาดช่างดูงดงามรื่นรมและเย็นสบายเหลือเกิน โดยส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะมาจับจองที่นั่งของตนแล้วเสร็จแล้วปูเสื่อพักผ่อนบนหาดทรายใต้ร่มเงาของต้นสน ส่วนใครที่ชื่นชอบในการเล่นน้ำทะเล ก็สามารถลงเล่นน้ำในจุดนี้ได้เลยอย่างเต็มอิ่มจุใจสาดน้ำว่ายน้ำใสอย่างเต็มที่ แหลมเสด็จเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรีเลยทีเดียว
 
 
 
แล้วเมื่อปี พ.ศ. 2523 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ทรงได้เสด็จมาปลูกต้นไม้ ณ ชายหาดจังหวัดจันทบุรีแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อว่าหาดแหลมเสด็จ ชายหาดสีขาวแสนสดใส กินพื้นที่กว้างใหญ่มากไปถึง2-3กิโลเมตร อีกทั้งในช่วงพฤศจิกายน-เมษายน คลื่นทะเลจะมีความสงบอย่างมากเหมาะแก่การลงเล่นน้ำอย่างยิ่ง แต่ในฤดูมรสุมนั้น คลื่นลมจะแรงมาก น้ำทะเลค่อนข้างขุ่นจึงไม่เหมาะกับการเล่นน้ำสักเท่าไร นอกจากนี้ในบริเวณใกล้ๆกันก็ยังมีจะสวนรวมพันธุ์ไม้มงคลทั้ง77จังหวัด โดยมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้นและตลอดเส้นทางที่แสนร่มรื่นของป่าชายหาด แล้ว นอกจากนี้ลักษณะของชายหาดแห่งนี้ยังเป็นแนวเส้นโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ หาดทรายสะอาดและน้ำทะลก็สวยใส เป็นหาดทรายที่เงียบสงบดีเหมาะกับหรับคนชอบความสงบ เพราะฉะนั้น นักท่องเที่ยวที่อยากดื่มด่ำกับการพักผ่อนริมหาดแสนสงบที่อบอวลด้วยกลิ่นอายทะเลและความร่มรื่นของทิวสน ไม่ได้มาเยือนสักครั้ง...คงไม่ได้แล้ว มากันเลยที่หาดแหลมเส็ดจ จังหวัดจันทบุรี

มาท่องเที่ยวกันอีกนะที่  http://travel.sanook.com/

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี

อันมาจากพระราชดำริ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเชิงนิเวศสำหรับคนรักธรรมชาติ นักท่องเที่ยวและครอบครัวที่รักธรรมชาติ สามารถใช้เวลาในช่วงวันหยุด ได้พาเจ้าตัวน้อยมาเรียนรู้สิ่งแวดล้อม ด้านนอกห้องเรียน พร้อมพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน โดนเป็นสะพานไม้ที่มีความยาวกว่า 1,700 เมตร พร้อมข้อมูลความรู้ด้านป่าชายเลนที่อยู่ตรงศาลาเล็กๆ นักท่องเที่ยวจะได้ศึกษาได้เป็นระยะๆ
ในช่วงน้ำลดจะได้เห็นปูก้ามดาบ โบกก้ามไหวๆ และห้ามพลาดที่จะไปชมต้นแสมขนาดใหญ่ที่มีอายุนับร้อยปี และสุดปลายของสะพานไม้นั้น จะได้ชมวิวพาโนรามาของคุ้งน้ำเป็นรูปปลากระเบน อันเป็นที่มาของชื่ออ่าวคุ้งกระเบนอีกด้วย

แนะนำให้มาช่วงเวลา 9.00-11.00 น. และ 15.00-17.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่อากาศไม่ร้อนนัก เหมาะแก่การเดินชิลๆเพลินๆ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.03-943-3216-8 จ.จันทบุรี

ใครอยากรู้ที่เที่ยวเมืองไทยอื่นอีกให้มาที่นี่ http://travel.sanook.com/